
หากคุณเริ่มมีอาการบวมและปวดที่เนื้อเยื่อใต้ฝ่าเท้า โดยเฉพาะที่ตำแหน่งที่เชื่อมต่อกับกระดูกในพื้นเท้า ซึ่งอาจเป็นมากขึ้นเมื่อเริ่มทำกิจกรรมหลังจากพักหยุดนั่ง หรือนอน ให้ต้องสงสัยไว้ก่อนว่านั่นอาจเป็นอาการของโรคน้ำกัดเท้าที่อาจทำให้หนักใจ เพราะไม่รู้วิธีการรักษาและไม่แน่ใจว่าเป็นโรคเกี่ยวกับอะไร วันนี้เราจึงจะพามารู้จักกันให้มากขึ้นทั้งที่มาของโรคน้ำกัดเท้ารวมถึงการรักษา
โรคน้ำกัดเท้า คืออะไร
โรคน้ำกัดเท้า (Plantar Fasciitis) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ฝ่าเท้า ที่เรียกว่า plantar fascia ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ต่อเข้ากับกระดูกในพื้นเท้า ซึ่งอาการที่พบบ่อยที่สุดในโรคน้ำกัดเท้ามีดังนี้
อาการปวด: ปวดที่เนื้อเยื่อใต้ฝ่าเท้ามักเกิดขึ้นในตอนเช้าหรือหลังพักผ่อนนาน เมื่อค่อยเดินหรือเคลื่อนไหว เส้นรอบศีรษะเข่าบริเตนอาจปวดเมื่อกดและขยับ
บวม: อาจมีการบวมของเนื้อเยื่อใต้ฝ่าเท้าที่ตำแหน่งที่เกิดอาการปวด
ความร้อน: เมื่อเกิดการอักเสบ บริเตนอาจมีความร้อนสูงกว่าพื้นที่ที่ปกติ
อาการปวดหัวเข่า: บริเตนอาจมีอาการปวดเมื่อขยับเท้าขึ้นลงหรือเหยียดเข่า
เป็นโรคน้ำกัดเท้าต้องรักษาอย่างไร
น้ำกัดเท้ามีการรักษาหลายวิธี ซึ่งสามารถนำไปใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูมากขึ้นนอกจากนี้ยังสามารถป้องกันการกลับมาเกิดของโรคในอนาคตได้ด้วยการปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาที่ถูกต้อง ดังนี้
พักผ่อนและลดน้ำหนัก: ลองหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เท้ามีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานานหรือมีกระแทกมาก ๆ อาจจะต้องหยุดการออกกำลังกายหนัก ๆ และควรลดน้ำหนักในกรณีที่น้ำหนักเกินไป
ท่ายืนท่านั่ง: ควรหาท่าที่ใช้ในการยืนหรือนั่งที่ทำให้เท้าไม่ต้องรู้สึกเจ็บมากเกินไป โดยที่ให้ความรู้สึกสะดวกสบาย ไม่ฝืน หรือลำบาก
ปรับแต่งรองเท้า: เลือกใช้รองเท้าที่มีความรองรับเหมาะสม โดยเลือกรองเท้าที่สามารถรับน้ำหนักได้ดี
ฝึกยืดเนื้อเยื่อใต้ฝ่าเท้า: การฝึกยืดน้ำเกลือในเมื่อเช้าก่อนที่จะยืนขึ้นเป็นท่านั่งหรือท่ายืนในช่วงแรกๆของวัน สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แนะนำให้ทำการยืดเนื้อเยื่อนี้อย่างสง่างามและเอื้ออำนวยในระหว่างวัน
ออกกำลังกายแบบน้ำหนักเบา: การออกกำลังกายที่เบาๆ แบบจัดตัวเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการโรคน้ำกัดเท้า โดยเฉพาะการวิ่งเป็นระยะที่สั้น ไม่ให้กระแทกเท้าต่อพื้นมากเกินไป
นวดและแพ้กแพ้ความร้อน: นวดพื้นเท้าเบาๆ และใช้ความร้อนรักษาที่บริเตนที่มีประโยชน์ในการบรรเทาอาการปวด
หากอาการโรคน้ำกัดเท้ายังคงไม่ดีขึ้นแม้จะได้รับการรักษาแล้ว ก็ควรพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมต่ออาการของคุณ อาจต้องใช้การรักษาเสริม เช่น การฉีดสลาย หรือการฝังเข็ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและปัจจัยอื่น ๆ ที่มีอยู่ด้วย
Comments