top of page

เงินเดือนไม่เกิน 30,000 ซื้อประกันลดหย่อนภาษีจะคุ้มไหม ?

SIANGTAI TEAM

เมื่อพูดถึงการซื้อประกันชีวิต หลายคนคงมองถึงการลดหย่อนภาษีที่ได้รับเป็นประโยชน์เสริม ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนสนใจ โดยเฉพาะคนที่มีรายได้ไม่สูงมาก เช่น คนที่มีเงินเดือนอยู่ในช่วงไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน การซื้อประกันลดหย่อนภาษีจะเป็นเรื่องคุ้มค่าจริงหรือไม่ ? ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจและพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด


ประกันชีวิตและการลดหย่อนภาษีคืออะไร?

ประกันชีวิตที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ คือประกันชีวิตที่มีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป โดยสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ซึ่งหมายถึงว่า หากคุณมีเบี้ยประกันปีละ 10,000 บาท คุณสามารถนำไปลดหย่อนภาษีจากฐานรายได้ที่ต้องเสียภาษีได้ทันที

นอกจากประกันชีวิตทั่วไปแล้วยังมี ประกันบำนาญ ซึ่งให้สิทธิ์ลดหย่อนได้เพิ่มเติมอีกไม่เกิน 15% ของรายได้หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท แต่จะต้องเป็นประกันที่ให้ผลประโยชน์เมื่อผู้ถือประกันเกษียณอายุแล้วเท่านั้น


ฐานภาษีและการประหยัดภาษีในกลุ่มเงินเดือนไม่เกิน 30,000 บาท

ในกรณีของคนที่มีเงินเดือนไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือนหรือประมาณ 360,000 บาทต่อปี การซื้อประกันลดหย่อนภาษีอาจจะไม่คุ้มค่าในทุกกรณี เนื่องจากฐานภาษีที่คุณต้องเสียในช่วงรายได้นี้ไม่สูงนัก โดยปกติแล้วรัฐบาลไทยจะมีอัตราภาษีขั้นบันไดซึ่งเริ่มต้นที่ 5% สำหรับรายได้ส่วนที่เกิน 150,000 บาทแรกของปี ซึ่งหมายความว่า:

  1. สำหรับเงินเดือนไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน คุณจะมีฐานภาษีต่ำและการลดหย่อนภาษีที่ได้รับอาจจะไม่ได้มากเท่ากับผู้ที่มีรายได้สูง

  2. หากคุณมีค่าลดหย่อนอื่น ๆ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าใช้จ่ายบุตร และลดหย่อนต่าง ๆ อื่น ๆ อาจทำให้คุณไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติมเลยในบางกรณี


ควรซื้อประกันลดหย่อนภาษีหรือไม่ ?

การซื้อประกันชีวิตไม่ควรพิจารณาเพียงแค่ผลประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี เพราะการทำประกันมีจุดมุ่งหมายหลักคือการปกป้องและสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเสียชีวิต ประกันชีวิตจะช่วยสร้างความอุ่นใจและคุ้มครองผู้ที่เรารักในยามที่เราจากไป ดังนั้น ควรพิจารณาความคุ้มครองที่จะได้รับและประโยชน์ในระยะยาวที่มากกว่าการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว


ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ

  1. ค่าเบี้ยประกัน: คุณควรพิจารณาถึงค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละปีว่ามีความเหมาะสมกับรายได้หรือไม่ อย่าลืมว่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายต่อเนื่องกันตลอดระยะเวลาที่ซื้อประกันลดหย่อนภาษี

  2. ความคุ้มครองที่ต้องการ: พิจารณาว่าความคุ้มครองของประกันชีวิตที่คุณจะซื้อนั้นตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตหรือไม่ เช่น หากคุณมีครอบครัว มีบุตร หรือมีผู้ที่พึ่งพิงรายได้จากคุณ คุณอาจจะต้องการความคุ้มครองที่สูงขึ้น

  3. ภาระหนี้สิน: หากคุณมีภาระหนี้สิน เช่น สินเชื่อรถยนต์หรือสินเชื่อบ้าน ประกันชีวิตจะช่วยคุ้มครองภาระนี้ในกรณีที่คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้อีกต่อไป

  4. อัตราภาษีที่เสียจริง: หากคุณต้องเสียภาษีอยู่ในอัตราที่ต่ำ (5% หรือน้อยกว่า) การลดหย่อนภาษีจากการทำประกันอาจไม่คุ้มค่าในเชิงการประหยัดภาษี


ตัวอย่างการคำนวณ

สมมติว่าคุณมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท คิดเป็นรายได้ทั้งปี 360,000 บาท หลังหักลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว เหลือรายได้ที่ต้องเสียภาษีประมาณ 150,000 บาท คุณจะอยู่ในฐานภาษีที่ต่ำมาก หากคุณซื้อประกันชีวิตและจ่ายเบี้ยประกันปีละ 10,000 บาท สิ่งที่จะช่วยลดหย่อนภาษีได้เพียงไม่กี่ร้อยบาทต่อปีเท่านั้น


การซื้อประกันลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่มีเงินเดือนไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน อาจไม่คุ้มค่าในแง่ของการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การมีประกันชีวิตถือเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของตนเองและครอบครัวในระยะยาว และอาจให้ความคุ้มค่ามากกว่าการลดหย่อนภาษี

ดังนั้น หากคุณต้องการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว การซื้อประกันชีวิตอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณต้องการความคุ้มครองเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคง การซื้อประกันลดหย่อนภาษีก็ยังคุ้มค่า



Comments


bottom of page