ใครที่กำลังมองหาวิธีการจัดฟันแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเดินทางให้ยุ่งยาก เราขอแนะนำมิติใหม่ของการจัดฟัน นั่นก็คือ การจัดฟันแบบใส แบบไม่ต้องเข้าคลินิกซึ่งหลายคนอาจจะต้องข้อสงสัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ หรือแม้กระทั่งประสิทธิภาพและเวลาที่ใช้ในการจัดฟันจะมากหรือจะน้อยแค่ไหน วันนี้เราจะมารีวิวให้ฟังว่าเป็นอย่างไร และดีจริงหรือไม่
การจัดฟันแบบใสแบบไม่ต้องเข้าคลินิกคืออะไร
การจัดฟันแบบใสแบบไม่ต้องเข้าคลินิก เป็นการจัดฟันที่เราสามารถทำได้เองที่บ้าน และเป็นการจัดฟันที่ควบคุมและดูแลโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดฟันโดยเฉพาะ ไม่ใช่การจัดฟันเถื่อน หรือว่าการทำด้วยตัวเองแบบไม่มีทันตแพทย์คอยดูแล และคอยตรวจสอบการเคลื่อนตัวของฟัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมั่นใจได้ว่า การจัดฟันแบบใสที่ไม่ต้องเข้าคลินิก จะได้มาตรฐาน สะอาด และปลอดภัยอย่างแน่นอน
ขั้นตอนการจัดฟันที่บ้าน
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจจัดฟันแบบใสแบบไม่ต้องเข้าคลินิก อันดับแรกจะเป็นขั้นตอนที่คล้ายคลึงกับการจัดฟันโดยทั่วไป นั่นก็คือ การเคลียร์ช่องปาก การเคลียร์ช่องปากมีความสำคัญมากต่อการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันแบบไหนก็ตาม เนื่องจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดฟัน และยังลดปัญหาในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันผุ หรือหินปูนเกาะก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรตรวจสุขภาพฟัน ตรวจหินปูน อุดฟัน ให้เรียบร้อยก่อน แต่หากว่าเราเป็นคนที่เข้าคลินิกทันตกรรมทุก 6 เดือน และมั่นใจว่าเราไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปาก ก็สามารถดำเนินการจัดฟันแบบใสในขั้นตอนต่อไปได้เลย ไม่ต้องเข้าคลินิก
ขั้นตอนต่อไปก็คือ การพิมพ์ฟันให้ทันตแพทย์ โดยทางคลินิกทันตกรรมจะส่งชุดพิมพ์ฟันให้เรา เราเพียงแต่ทำตามขั้นตอนง่าย ๆ หรือหากว่าใครไม่มั่นใจ ก็สามารถไปสแกนฟัน 3D ได้ที่คลินิกใกล้บ้าน แล้วส่งผลให้กับทันตแพทย์ที่ดูแล เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
หลังจากนั้น ทันตแพทย์ก็จะส่งชุดจัดฟันใสมาให้เราใส่ โดยเราจะต้องใส่อย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยที่เราสามารถปรึกษาเกี่ยวกับการจัดฟันได้ตลอดเวลา และมีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟัน คอยดูแลติดตามการจัดฟันอย่างใกล้ชิด เพื่อผลการจัดฟันที่ดี และได้ผลตามที่วางแผนเอาไว้
จากนั้นเราก็เปลี่ยนอุปกรณ์จัดฟันทุก 2-3 สัปดาห์ ที่สำคัญก็คือ การรักษาความสะอาดและวินัยในการใส่อุปกรณ์นั่นเอง
สำหรับคนที่กำลังมองหาการจัดฟันแบบใสที่ไม่ต้องเข้าคลินิก ขอแนะนำเลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ประหยัดเวลามากกว่าการต้องไปเปลี่ยนอุปกรณ์ที่คลินิก และได้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างกันเลย